พวกเราทั้งหมด 8 คน 2 ไทย 4 จีนแผ่นดินใหญ่และ 2 จีนไต้หวันมีนัดพบกันที่กรุงเทพฯ ในวันที่ยังมีข่าวที่น่าเป็นห่วงของประเทศไทยอยู่ ก็คือข่าวน้ำกำลังจะท่วมกรุงเทพฯ ค่ะพวกเรามีจุดประสงค์เดียวกันคือมาดูคอนเสริทเดอะฮีโร่ที่สยามพารากอน คอนเสริทแสดงเวลาประมาณ 19.30 น. วันที่ 15 และ 16 ตุลาคม 2554
พวกเราดูคอนเสริทด้วยกันทั้งสองวัน แล้วก็ไปพบศิลปินมาด้วยกันเพื่อนำเงินที่รวบรวมจากแฟนคลับจีนและไทยมาให้คิดเป็นเงินไทยแล้วก็ประมาณห้าหมื่นบาทค่ะ ปลื้มสุดๆ พอกลับจากคอนเสริทพวกเราก็พักที่เดียวกัน
ในที่นี้จะเล่าให้ฟังก็คือ หลังงานคอนเสริทแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับพวกเราบ้างค่ะ
กลับออกจากงานมาก็พากันไปฮาเฮปาร์ตี้ไวน์ที่ร้านข้าวต้มแถวสามย่าน กินกันดึกดื่นจนเจ้าของร้านค้อนแล้วค้อนอีกว่าเมื่อไรแก๊งค์นี้จะไปกันซะที พวกเรานั่งรถตุ๊กๆ สองคันขับตามกันกลับมาโรงแรมปทุมวันปริ๊นเซส ที่มาบุญครอง พวกเราพักอยูชั้น 21 และ 22 กลับเข้ามาก็พากันขึ้นไปเที่ยวห้องของเพื่อนชั้น 22 แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเพื่อนจีนชี้ให้ดูว่า เขาพักห้องอะไร หมายเลขห้อง 2227 ถ้าเป็นภาษาแชทของจีนจะอ่านว่า ai ai ai qi 爱爱爱妻 ออกเสียงว่า อ้ายอ้ายอ้ายชีแปลออกมาก็คือ "รัก รัก รัก ภรรยา" อิอิอิ แต่ความหมายที่มากกว่านั้นก็คือ เขาถามว่าเธอจำไม่ได้เหรอว่าเลขสี่ตัวนี้มีความหมายยังไง (แฟนพันธุ์แท้พี่ก้องนูโวคงรู้ดี แต่ในที่นี้ไม่เฉลยค่ะ)
พวกเราพากันโหลดรูปถึงตีสามตีสี่ วันรุ่งขึ้นก็รีบเช็คเอ้าท์ ทิ้งเพื่อนๆ ไว้ที่โรงแรม คนไทยขออนุญาตแยกกลับก่อนนะคะเพราะบินไฟล์ทเช้า 10.30 น. พอแปดโมงครึ่งก็ออกเดินทางจากโรงแรม นั่งแท๊กซี่สองแยกถึงสถานีแอร์พอร์ตลิงค์ จากนั้นนั่ง Express Train จากสถานีพญาไทไปลงสนามบินสุวรรณภูมิ ค่าตั๋วโดยสารคนละ 90 บาท ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึงสนามบิน
พอกลับถึงบ้านแล้ว ประมาณบ่ายสองโมงกว่าๆ ก็ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนชาวไต้หวันโทรมาขอความช่วยเหลือด่วน เนื่องจากเขาไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว แต่พบว่าได้ลืมคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คของสำคัญไว้ที่โรงแรม ลืมไว้ในห้องอาหารชั้นล่างของโรงแรมช่วงที่นั่งกินเค้กอยู่หลังจากเช็คเอ้าท์แล้ว ผู้เขียนได้ช่วยติดต่อกับทางโรงแรม ปรากฏว่าทางโรงแรมไม่พบของ จึงขอติดต่อกับเจ้าหน้าที่ควบคุมกล้องวงจรปิด ขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยดูเทปว่าเขาลืมของไว้ที่โรงแรมจริงหรือไม่ อีกด้านหนึ่งก็พยายามติดต่อเพื่อนจีนอีกกลุ่มหนึ่งที่ยังไม่เช้คเอ้าท์ออกไป
หลังจากโทรศัพท์กลับไปกลับมาระหว่างกรุงเทพฯ กับทางไกลไต้หวัน (เพื่อนอยู่ที่สุวรรณภูมิก็จริงแต่ใช้โทรศัพท์เบอร์ไต้หวัน เขาไม่ได้ซื้อเบอร์กรุงเทพฯใช้) วันนั้นช่วงบ่ายของผู้เขียนเลยไม่ได้งานอะไรนอกจากตามหาโน๊ตบุ๊คให้เพื่อน เวลาประมาณเกือบๆ จะสี่โมงเย็นผู้เขียนก็ได้รับโทรศัพท์จากโรงแรมแจ้งว่า โน๊ตบุ๊คของเพื่อนเจอแล้ว เขาลืมไว้ในรถแท๊กซี่ต่างหาก และตอนนี้แท๊กซี่ได้นำกลับมาคืนให้ที่โรงแรม พอรู้ข่าวก็ดีใจมากรีบโทรกลับไปแจ้งเจ้าของ เจ้าของดีใจมากเช่นกัน ทีนี่ก็ถึงคราวต้องมาคิดว่าจะเอากลับคืนยังไง ทางโรงแรมจะไม่ส่งมอบของคืนให้หากไม่มีการยืนยัน Spec ที่ถูกต้องของโน๊ตบุ๊คจากเจ้าของ ผู้เขียนก็เลยปรึกษากับทางเจ้าหน้าที่โรงแรมว่า จะมีวิธีอื่นอีกไหม ขณะนี้เพื่อนของเขายังอยู่ในโรงแรมของคุณ จะทำอย่างไรถึงจะอนุญาตให้เพื่อนของเขานำของหิ้วกลับไปคืนเจ้าตัวได้ ทางโรงแรมแจ้งว่าให้เจ้าของเขียนเมล์ถึงโรงแรมเพื่อยืนยันกับทางโรงแรมว่าอนุญาตให้เพื่อนนำของกลับแทนเจ้าของได้จริง ผู้เขียนเลยช่วยเขียนร่างอีเมล์ภาษาอังกฤษให้ (เนื่องจากรู้แน่นอนว่าภาษาอังกฤษของพวกเธอค่อนข้างอ่อน) ว่าแล้วก็รีบไปทิ้งข้อความไว้ใน msn ของเพื่อนบอกให้ลอกไปเลยแล้วส่งให้โรงแรม
เช้าวันรุ่งขึ้น เพื่อนที่เหลืออยู่กำลังจะเช็คเอ้าท์แล้วโทรมาแจ้งว่า ทางโรงแรมยังไม่ยอมมอบโน๊ตบุ๊คให้เลย เนื่องจากคงคุยกันไม่รู้เรื่อง ผู้เขียนจึงช่วยประสานงานให้ จนท้ายที่สุดก็ได้โน๊ตบุ๊คคืนไปเรียบร้อยแล้วค่ะ
งานนี้ต้องขอขอบเจ้าหน้าที่ทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องของโรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส โดยเฉพาะคุณมณฑาหัวหน้างานกล้องวงจรปิด และขอขอบพระคุณความซื่อสัตย์และความเป็นคนมีน้ำใจดีงามของแท๊กซี่คันนั้นจริงๆ ไม่ทราบว่าจะตามไปขอบคุณได้ที่ไหน ตอนนี้คงเหลืออีกภาระกิจเดียวค่ะ คือไปถามกับโรงแรมใหม่ว่า แท๊กซี่คันนั้นชื่ออะไร อยู่ทีไหน เพราะคราวหน้า สาวๆ จีนต้องการกลับมาตอบแทนความดีของเขาค่ะ งานนี้ทำให้ได้ยินคำพูดประโยคหนึ่งออกจากปากแฟนคลับชาวจีนที่ได้ยินแล้วปลื้มสุดๆ ค่ะ เขาพูดว่า
“รักประเทศไทยมากยิ่งขึ้นค่ะ”
อ้อ..ลืมบอกไปค่ะว่าแฟนคลับชาวจีนกลุ่มนี้ คือแฟนคลับของคุณก้อง สหรัถ และนูโวค่ะ
พวกเราดูคอนเสริทด้วยกันทั้งสองวัน แล้วก็ไปพบศิลปินมาด้วยกันเพื่อนำเงินที่รวบรวมจากแฟนคลับจีนและไทยมาให้คิดเป็นเงินไทยแล้วก็ประมาณห้าหมื่นบาทค่ะ ปลื้มสุดๆ พอกลับจากคอนเสริทพวกเราก็พักที่เดียวกัน
ในที่นี้จะเล่าให้ฟังก็คือ หลังงานคอนเสริทแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับพวกเราบ้างค่ะ
กลับออกจากงานมาก็พากันไปฮาเฮปาร์ตี้ไวน์ที่ร้านข้าวต้มแถวสามย่าน กินกันดึกดื่นจนเจ้าของร้านค้อนแล้วค้อนอีกว่าเมื่อไรแก๊งค์นี้จะไปกันซะที พวกเรานั่งรถตุ๊กๆ สองคันขับตามกันกลับมาโรงแรมปทุมวันปริ๊นเซส ที่มาบุญครอง พวกเราพักอยูชั้น 21 และ 22 กลับเข้ามาก็พากันขึ้นไปเที่ยวห้องของเพื่อนชั้น 22 แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเพื่อนจีนชี้ให้ดูว่า เขาพักห้องอะไร หมายเลขห้อง 2227 ถ้าเป็นภาษาแชทของจีนจะอ่านว่า ai ai ai qi 爱爱爱妻 ออกเสียงว่า อ้ายอ้ายอ้ายชีแปลออกมาก็คือ "รัก รัก รัก ภรรยา" อิอิอิ แต่ความหมายที่มากกว่านั้นก็คือ เขาถามว่าเธอจำไม่ได้เหรอว่าเลขสี่ตัวนี้มีความหมายยังไง (แฟนพันธุ์แท้พี่ก้องนูโวคงรู้ดี แต่ในที่นี้ไม่เฉลยค่ะ)
พวกเราพากันโหลดรูปถึงตีสามตีสี่ วันรุ่งขึ้นก็รีบเช็คเอ้าท์ ทิ้งเพื่อนๆ ไว้ที่โรงแรม คนไทยขออนุญาตแยกกลับก่อนนะคะเพราะบินไฟล์ทเช้า 10.30 น. พอแปดโมงครึ่งก็ออกเดินทางจากโรงแรม นั่งแท๊กซี่สองแยกถึงสถานีแอร์พอร์ตลิงค์ จากนั้นนั่ง Express Train จากสถานีพญาไทไปลงสนามบินสุวรรณภูมิ ค่าตั๋วโดยสารคนละ 90 บาท ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึงสนามบิน
พอกลับถึงบ้านแล้ว ประมาณบ่ายสองโมงกว่าๆ ก็ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนชาวไต้หวันโทรมาขอความช่วยเหลือด่วน เนื่องจากเขาไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว แต่พบว่าได้ลืมคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คของสำคัญไว้ที่โรงแรม ลืมไว้ในห้องอาหารชั้นล่างของโรงแรมช่วงที่นั่งกินเค้กอยู่หลังจากเช็คเอ้าท์แล้ว ผู้เขียนได้ช่วยติดต่อกับทางโรงแรม ปรากฏว่าทางโรงแรมไม่พบของ จึงขอติดต่อกับเจ้าหน้าที่ควบคุมกล้องวงจรปิด ขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยดูเทปว่าเขาลืมของไว้ที่โรงแรมจริงหรือไม่ อีกด้านหนึ่งก็พยายามติดต่อเพื่อนจีนอีกกลุ่มหนึ่งที่ยังไม่เช้คเอ้าท์ออกไป
หลังจากโทรศัพท์กลับไปกลับมาระหว่างกรุงเทพฯ กับทางไกลไต้หวัน (เพื่อนอยู่ที่สุวรรณภูมิก็จริงแต่ใช้โทรศัพท์เบอร์ไต้หวัน เขาไม่ได้ซื้อเบอร์กรุงเทพฯใช้) วันนั้นช่วงบ่ายของผู้เขียนเลยไม่ได้งานอะไรนอกจากตามหาโน๊ตบุ๊คให้เพื่อน เวลาประมาณเกือบๆ จะสี่โมงเย็นผู้เขียนก็ได้รับโทรศัพท์จากโรงแรมแจ้งว่า โน๊ตบุ๊คของเพื่อนเจอแล้ว เขาลืมไว้ในรถแท๊กซี่ต่างหาก และตอนนี้แท๊กซี่ได้นำกลับมาคืนให้ที่โรงแรม พอรู้ข่าวก็ดีใจมากรีบโทรกลับไปแจ้งเจ้าของ เจ้าของดีใจมากเช่นกัน ทีนี่ก็ถึงคราวต้องมาคิดว่าจะเอากลับคืนยังไง ทางโรงแรมจะไม่ส่งมอบของคืนให้หากไม่มีการยืนยัน Spec ที่ถูกต้องของโน๊ตบุ๊คจากเจ้าของ ผู้เขียนก็เลยปรึกษากับทางเจ้าหน้าที่โรงแรมว่า จะมีวิธีอื่นอีกไหม ขณะนี้เพื่อนของเขายังอยู่ในโรงแรมของคุณ จะทำอย่างไรถึงจะอนุญาตให้เพื่อนของเขานำของหิ้วกลับไปคืนเจ้าตัวได้ ทางโรงแรมแจ้งว่าให้เจ้าของเขียนเมล์ถึงโรงแรมเพื่อยืนยันกับทางโรงแรมว่าอนุญาตให้เพื่อนนำของกลับแทนเจ้าของได้จริง ผู้เขียนเลยช่วยเขียนร่างอีเมล์ภาษาอังกฤษให้ (เนื่องจากรู้แน่นอนว่าภาษาอังกฤษของพวกเธอค่อนข้างอ่อน) ว่าแล้วก็รีบไปทิ้งข้อความไว้ใน msn ของเพื่อนบอกให้ลอกไปเลยแล้วส่งให้โรงแรม
เช้าวันรุ่งขึ้น เพื่อนที่เหลืออยู่กำลังจะเช็คเอ้าท์แล้วโทรมาแจ้งว่า ทางโรงแรมยังไม่ยอมมอบโน๊ตบุ๊คให้เลย เนื่องจากคงคุยกันไม่รู้เรื่อง ผู้เขียนจึงช่วยประสานงานให้ จนท้ายที่สุดก็ได้โน๊ตบุ๊คคืนไปเรียบร้อยแล้วค่ะ
งานนี้ต้องขอขอบเจ้าหน้าที่ทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องของโรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส โดยเฉพาะคุณมณฑาหัวหน้างานกล้องวงจรปิด และขอขอบพระคุณความซื่อสัตย์และความเป็นคนมีน้ำใจดีงามของแท๊กซี่คันนั้นจริงๆ ไม่ทราบว่าจะตามไปขอบคุณได้ที่ไหน ตอนนี้คงเหลืออีกภาระกิจเดียวค่ะ คือไปถามกับโรงแรมใหม่ว่า แท๊กซี่คันนั้นชื่ออะไร อยู่ทีไหน เพราะคราวหน้า สาวๆ จีนต้องการกลับมาตอบแทนความดีของเขาค่ะ งานนี้ทำให้ได้ยินคำพูดประโยคหนึ่งออกจากปากแฟนคลับชาวจีนที่ได้ยินแล้วปลื้มสุดๆ ค่ะ เขาพูดว่า
“รักประเทศไทยมากยิ่งขึ้นค่ะ”
อ้อ..ลืมบอกไปค่ะว่าแฟนคลับชาวจีนกลุ่มนี้ คือแฟนคลับของคุณก้อง สหรัถ และนูโวค่ะ
No comments:
Post a Comment